วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ADDIE (ADDIE Model)

ADDIE (ADDIE Model)

หลักการออกแบบของ ADDIE model

มีขั้นตอนดังนี้

1. ขั้นการวิเคราะห์ Analysis
2. ขั้นการออกแบบ Design
3. ขั้นการพัฒนา Development
4. ขั้นการนำไปใช้ Implementation
5. ขั้นการประเมินผล Evaluation

ขั้นตอนการพัฒนา ADDIE model


ขั้นตอนการวิเคราะห์ (Analysis)
ประกอบด้วยรายละเอียดแต่ละส่วน ดังนี้
1. การกำหนดหัวเรื่องและวัตถุประสงค์ทั่วไป
2. การวิเคราะห์ผู้เรียน
3. การวิเคราะห์วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
4. การวิเคราะห์เนื้อหา


ขั้นตอนการออกแบบ (Design)
ประกอบด้วยรายละเอียดแต่ละส่วน ดังนี้

1. การออกแบบ Courseware (การออกแบบบทเรียน)

ซึ่งจะประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เนื้อหา แบบทดสอบก่อนบทเรียน (Pre-test) สื่อ กิจกรรม วิธีการนำเสนอ และแบบทดสอบหลังบทเรียน (Post-test)


2. การออกแบบผังงาน (Flowchart) และการออกแบบบทดำเนินเรื่อง (Storyboard)(ขั้นตอนการเขียนผังงานและสตอรี่บอร์ดของ อลาสซี่)


3. การออกแบบหน้าจอภาพ (Screen Design)
การออกแบบหน้าจอภาพ หมายถึง การจัดพื้นที่ของจอภาพเพื่อใช้ในการนำเสนอเนื้อหา ภาพ และส่วนประกอบอื่นๆ สิ่งที่ต้องพิจารณามีดังนี้

1. การกำหนดความละเอียดภาพ (Resolution)
2. การจัดพื้นที่แต่ละหน้าจอภาพในการนำเสนอ 3. การเลือกรูปแบบและขนาดของตัวอักษรทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
4. การกำหนดสี ได้แก่ สีของตัวอักษร (Font Color) ,สีของฉากหลัง (Background) ,สีของส่วนอื่นๆ
5. การกำหนดส่วนอื่นๆ ที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้บทเรียน


ขั้นตอนการพัฒนา (Develop) (ขั้นตอนการสร้าง/เขียนโปรแกรมและผลิตเอกสารประกอบการเรียน)
ประกอบด้วยรายละเอียดแต่ละส่วน ดังนี้

1. การเตรียมการ การเตรียมการ เกี่ยวกับองค์ประกอบดังนี้

1.1 การเตรียมข้อความ
1.2 การเตรียมภาพ
1.3 การเตรียมเสียง
1.4 การเตรียมโปรแกรมจัดการบทเรียน

2. การสร้างบทเรียน หลังจากได้เตรียมข้อความ ภาพ เสียง และส่วนอื่น เรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปเป็นการสร้างบทเรียนโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์จัดการ เพื่อเปลี่ยนสตอรี่บอร์ดให้กลายเป็นบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
3. การสร้างเอกสารประกอบการเรียน


หลังจากสร้างบทเรียนเสร็จสิ้นแล้ว ในขั้นต่อไปเป็นการตรวจสอบและทดสอบความสมบูรณ์ขั้นต้นของบทเรียน


ขั้นตอนการนำไปใช้ (Implement)
การนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ไปใช้ โดยใช้กับกลุ่มตัวอย่างมาย เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของบทเรียนในขั้นต้น หลังจากนั้น จึงทำการปรับปรุงแก้ไขก่อนที่จะนำไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายจริง เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียน และนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเหมาะสมและประสิทธิภาพ

ขั้นตอนการประเมินผล (Evaluate)
การประเมินผล คือ การเปรียบเทียบกับการเรียนการสอนแบบปกติ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็น 2 กลุ่ม เรียนด้วยบทเรียน ที่สร้างขึ้น 1 กลุ่ม และเรียนด้วยการสอนปกติอีก 1 กลุ่ม หลังจากนั้นจึงให้ผู้เรียนทั้งสองกลุ่ม ทำแบบทดสอบชุดเดียวกัน และแปลผลคะแนนที่ได้ สรุปเป็นประสิทธิภาพของบทเรียน


อ้างอิง http://www.kroobannok.com/5661

E-Commerce

E-Commerce


พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic commerce) หรือ อี-คอมเมิร์ช (E-Commerce) หมายถึง การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในทุกๆ ช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์, โทรทัศน์, วิทยุ, หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทของความสำคัญขององค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้าเป็นต้น ดังนั้นจึงลดข้อจำกัดของระยะทางและเวลา ในการทำธุรกรรมลงได้



จากการวิเคราะห์


กว่าผู้ทรงคุณวุฒิในบ้านเราจะตกลงเป็นเอกฉันท์ได้ว่า “ Globalization ” หรือ โลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงมากมายก็เกิดขึ้นรอบๆตัวเรามากขึ้น การเจรจาทั้งทวิภาคีและพหุภาคีเพื่อสร้างเขตเสรีการค้าระหว่างประเทศ การปฏิบัติตามข้อตกลงที่ต้องปฏิบัติในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การค้าโลก ตลอดไปจนพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ทางด้านอิเล็กทรอนิคส์ ล้วนเป็นเสมือนเชื่อประทุที่กระตุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลงอีกมากมายเกิดตามมาเป็นระลอกคลื่นไม่รู้จบ กฎกติกาของระหว่างประเทศเริ่มจะไม่มีพรมแดนมากขึ้น ทุกหน่วยงานต่างต้องการที่จะแข่งขันกันมาก โดยทฤษฎีแล้ว ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรือประเทศไหนก็ตามการแข่งขันบนเวทีของโลกก็ย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และการเปลี่ยนแปลงอีกมากมายที่จะตามมา ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตามและถึงแม้ว่าเราจะไม่ยอมรับหรือต่อต้านมันยังไงการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องวเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


เมื่อเทคโนโลยีการสื่อสารทางด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ทางด้านการสื่อสารพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน ก็เกิดนวัฒกรรมใหม่ขึ้นอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกกันว่า “อินเตอร์เน็ต” (Inter net ) ขึ้นมา อินเตอร์เน็ตหรือเครือข่ายข่าวสารข้อมูลแบบใหม่ได้ย่อโลกใบนี้ให้เล็กลงไปถนัดตา ไม่เพียงแต่ทำให้ขีดจำกัดในการขนส่งข้อมูลข่าวสาร รูปภาพ เสียง หรือภาพยนตร์ จากซีกโลกหนึ่งไปยังอีกซีกโลกหนึ่ง ซึ่งเคยใช้เวลาเป็นสัปดาห์สามารถทำได้เพียงในเวลาไม่กี่นาที อินเตอร์เน็ต ยังทำให้เราสามารถพูดคุยและสื่อสารกับบุคคลต่างๆจากทั่วโลกได้ มีการส่งข้อมูลข่าวสารให้กับอีกบุคคลอักซีกโลกหนึ่งได้ โดยมีต้นทุนที่ต่ำเท่ากับค่าใช้จ่ายที่เคยใช้พูดคุยกับคนในจังหวัดเดียวกันอีกด้วย


อินเตอร์เน็ตทำให้โลกเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และยังเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่อยากจะค้นคว้าเรื่องอะไรก็มีมาให้ได้เลือกดูและอ่าน ถ้าหากนำอินเตอร์เน็ตไปใช้ในทางที่สมควรจะดีมากกล่าวได้ว่าอินเตอร์เน็ตคล้ายกับดาบ 2 คมซึ่งมีทั้งสื่อต่างๆมากมายให้เลือกชมเลือกดู ใครจะขายอะไรก็โฆษณาได้ อยากซื้ออะไรก็ซื้อโดยเลือกการคลิ๊กแค่ปลายนิ้ว


ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมดีที่สุดและมีการใช้คอมพิวเตอร์ต่อหัวสูงที่สุด ได้เกิดมีเว็บไซด์ต่างๆ หรือที่เราคุ้นหูนั่นก็คือ “ ด็อทคอม " (Dot Com) เกิดขึ้นเป็นล้านและเชื่อกันว่า จากวันนี้ไปเราจะทยอย ย้ายไปทำธุรกรรมการซื้อขาย การโอนเงินบนจอคอมพิวเตอร์หรือที่เราเรียกกันว่า อี-คอมเมิร์ช (E-Commerce) หรือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กันหมด
ผู้ผลิตไล่ไปจนถึงผู้แทนจำหน่ายรวมไปถึงชาวบ้านชาวช่องต่างก็มี ด็อทคอม กับแทบทุกคน บริษัทไหนไม่มีด็อทคอม ดุจะกลายเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจแผนโบราณกันไปทีเดียว และบริษัทห้างหลายๆร้านหลายแห่งที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับระบบ อินเตอร์เน็ตก็สามารถระดมเงินจากตลาดหลักทรัพย์ได้ง่ายๆ ทั้งๆ ที่ผลประกอบการยังไม่มีอะไรเป็นสาระเลย อินเตอร์เน็ต และอี-คอมเมิร์ส จะพัฒนาไปจนสิ้นสุดตอนไหนไม่มีใครคาดเดาได้ชัดเจน


ผู้คนเริ่มตั้งคำถามว่าธุรกิจต่างๆจะเปลี่ยนไปในรูปไปอย่างไร ? จะสูญหายไปหรือไม่ ? ยังเป็นคำถามอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ในช่วงนั้นทุกสิ่งทุกอย่างบนอินเตอร์เน็ตวิ่งไปอย่างรวดเร็วเหมือนจรวด และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครไปหยุดมันได้ จนกระทั่งปี 2544 ก็เกิดปรากฎการณ์ล่มสลายของด็อทคอมหรือสภาวะฟองสบู่แตกบนอินเตอร์เน็ต เว็บไซด์ต่างๆ ที่เปิดตัวไปเป็นแสนเป็นล้านเว็บในช่วงระยะเวลาไม่ถึงปี ต่างก็ต้องทยอยปิดตัวลง เพราะไม่มีธุรกรรมเกิดขึ้นคุ้มค่ากับการลงทุนนั่นเอง ผู้คนเริ่มตระหนักว่า เว็บไซด์ไม่สามารถสร้างความโดดเด่นให้แปลกแยกออกไปจากเว็บไซด์อื่นได้ ก็ไม่ต่างไปจากดัชนีอ้างอิงในหนังสือสารานุกรมที่เรียงกันเป็นพรืดไปหมด ละลานตา จนในที่สุดก็ไม่มีใครอ่าน เว็บไซด์เป็นล้านที่เรียงลำดับกันตั้งแต่ A – Z จึงไม่มีผู้บริโภคคลิกเข้าไปทำธุรกรรมอะไรเลย แต่ที่พูดไม่ได้มีความหมายว่า อี-คอมเมิร์ส จะพัฒนาจนเข้ามาแทนที่ระบบเดิมไปทั้งหมดนั้นก็ยังมีเรื่องที่ต้องทำ ต้องพัฒนาอีกมากมาย


ในอนาคตอันใกล้นี้ อี-คอมเมิร์ส คงจะทำให้ช่องว่างระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคแคบลงเข้าไปอีก และอาจจะแคบลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตัวกลางหรือผู้ขายที่ไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มใดๆ กับตัวสินค้าจะยืนอยู่ได้ลำบากขึ้นจริงๆ และด้วยเหตุผลเช่นนี้หล่ะคับ ที่บริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจการตลาดบางท่านต้องพัฒนาการตลาดของตัวเองให้คงอยู่ให้ได้ในสังคมในปัจจุบัน ซึ่งสรุปได้ว่า อี-คอมเมิร์สจะเป็นนวัตกรรมทางการค้าที่มีศักยภาพยิ่งใหญ่ที่สุดในทศวรรษหน้าอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตัวอย่างแผนการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นม. 1

เทอม ที่ 1


คำอธิบายรายวิชา

ศึกษาวิเคราะห์ โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่างๆ ในร่างกายสัตว์และมนุษย์ การ
เจริญเติบโตของสัตว์และมนุษย์ อาหาร ความสำคัญของอาหารต่อเพศและวัย สารในสิ่งเสพติด ธาตุ
และสารประกอบ การเปลี่ยนแปลงของสาร การเกิดสารละลาย การเปลี่ยนสถานะ การเกิดปฏิกิริยา
เคมี ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจำวัน และผลของปฏิกิริยาเคมีต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม


หน่วยการเรียนรู้

บทที่ 1 หน่วยของชีวิตและชีวิตพืช

1. หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต

2. ลักษณะโครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์

3. การลำเลียงในพืช การแพร่และการออสโมซิส

4. การสืบพันธุ์ และการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช

5. การสังเคราะห์ด้วยแสง

6. เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตของพืชในท้องถิ่น


บทที่ 2 สารในชีวิตประจำวัน

1. ความหมายและสมบัติของสาร

2. ประเภทของสารและการจำแนกประเภท

3. การแยกสารเนื้อผสมและสารเนื้อเดียว

4. การแยกสารที่ใช้ในชีวิตประจำวัน


บทที่ 3 สารละลาย

1. ความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย

2. ความเข้มข้นของสารละลาย

3. สมบัติการเป็นกรด-เบสของสารละลาย

4. สารที่ใช้ในการทำความสะอาด

5. ความปลอดภัยในการใช้สารในชีวิตประจำวัน


จุดประสงค์

1.เขียนภาพโครงสร้างและอธิบายการทำงานของระบบย่อยอาหารระบบหมุนเวียนโลหิต ระบบหายใจ ระบบขับถ่าย ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ ระบบโครงกระดูกและกล้ามเนื้อของมนุษย์และสัตว์บางชนิด
2.สามารถอธิบายการทำงานที่สัมพันธ์กันของระบบต่าง ๆ ที่ทำให้มนุษย์และสัตว์มีการเจริญเติบโตและนำไปใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข
3.วิเคราะห์และอธิบายพฤติกรรมบางอย่างของสัตว์ที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้า
4. สามารถค้นคว้าความรู้เกี่ยวกับผลของการใช้เทคโนโลยีชีวภาพในด้านการเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการแพทย์
5.ปฏิบัติการทดลองสารอาหารบางประเภทในอาหารอธิบายความสำคัญของสารอาหารที่มีต่อ
ร่างกายและเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนได้สัดส่วน เหมาะสมกับเพศและวัย
6.สามารถอธิบายผลของสารเสพติดต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เสนอแนะและ
รณรงค์การป้องกันและต่อต้านสารเสพติด
7.สามารถอธิบายความแตกต่างของสมบัติของสารทั้งหมดสถานะจากการจัดเรียงและการ
การเคลื่อนไหวของอนุภาคของสาร
8.สามารถตรวจสอบสมบัติของธาตุ สารประกอบและธาตุกัมมันตรังสี อธิบายและยกตัวอย่าง
การนำธาตุสารประกอบและธาตุกัมมันตรังสีไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
9.ปฏิบัติการทดลอง และอธิบายสมบัติของธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะได้
10.ปฏิบัติการทดลอง และอธิบายสมบัติของสารเกี่ยวจุดเดือด จุดหลอมเหลว การละลายน้ำ
และการละลายในตัวทำลายอื่น
11.ปฏิบัติการทดลอง และอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเคมี
12.ปฏิบัติการทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพลังงาน อุณหภูมิกับการเปลี่ยนสถานะ
ของสารการละลายและการเกิดปฏิกิริยาเคมี และยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์
13.ปฏิบัติการทดลองและอธิบายปัจจัยที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงของสารได้
14.สามารถอธิบายการเกิดปฏิกิริยาระหว่างโลหะกับออกซิเจน โลหะกับน้ำ โลหะกับกรด
กรดกับเบส และกรดกับคาร์บอเนต เขียนสมการเคมี และยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์
15.สามารถนำความรู้ไปใช้ในการป้องกันการสึกกร่อนของโลหะและวัสดุคาร์บอเนตระบุสารเคมี
ในผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดเลือกใช้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและคุ้มค่า
16.สามารถอธิบายและยกตัวอย่างการใช้สารเคมีในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ รวมทั้งเสนอแนะ
แนวทางในการป้องกันแก้ไข





เทอมที่ 2



คำอธิบายรายวิชา

ศึกษาเรื่อง งานและพลังงาน การถ่ายโอนความร้อน การขยายตัวของวัตถุ การดูดกลือนแสงและการคายความร้อน แรง แรงเสียดทาน โมเมนต์ของแรง การเคลื่อนที่ในหนึ่งมิติ ส่วนประกอบและการแบ่งชั้น บรรยากาศ อุณหภูมิของอากาศ ความชื้น ความกดอากาศ ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศ การพยากรณ์อากาศ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจ ตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม


หน่วยการเรียนรู้

บทที่ 1 แรงและการเคลื่อนที่

1. แรง ปริมาณสเกลาร์ และปริมาณเวกเตอร์

2. ชนิดของแรง

3. โมเมนตัมของแรง

4. ความหมายของการเคลื่อนที่ และแบบของการเคลื่อนที่


บทที่ 2 งานและพลังงาน

1. งานกับการคำนวณเกี่ยวกับงาน

2. พลังงานและการเปลี่ยนรูปของพลังงาน

3. พลังงานความร้อน

4. การใช้และการอนุรักษ์พลังงาน


บทที่ 3 บรรยากาศ

1. ส่วนประกอบของอากาศ

2. อุณหภูมิของอากาศและชั้นบรรยกาศ

3. ความดันของอากาศและความชื้นของอากาศ

4. ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ

5. อุตุนิยมวิทยาและมลภาวะในชีวิตประจำวัน


จุดประสงค์

1.สามารถบอกเกี่ยวกับเวกเตอร์ของแรง และทดลองหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรง
2.ปฏิบัติการทดลอง และบอกผลของแรงลัพธ์ต่อการเคลื่อนที่ของวัตถ
3.ปฎิบัติการทดลอง และอธิบายเกี่ยวกับแรงเสียดทานที่เกิดจากสถานการณ์ต่าง ๆในเชิงคุณภาพ
และเสนอแนวคิดการเพิ่มหรือลดแรงเสียดทานเพื่อการใช้ประโยชน์
4. ปฎิบัติการทดลองและอธิบายเกี่ยวกับหลักการของโมเมนต์ของแรงในเชิงปริมาณและการ
วิเคราะห์และค านวณโมเมนต์ในสถานการณ์ต่าง ๆและยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์
5.ปฏิบัติการทดลอง และอธิบายเกี่ยวกับงาน พลังงานศักย์โน้มถ่วง พลังงานจลน์ กฎการอนุรักษ
พลังงานและการนำไปใช้ประโยชน์
6.สามารถทดลองและอธิบายเกี่ยวกับการดูดกลืนแสงและการคายความร้อนของวัตถุต่าง ๆ พร้อ
ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน
7.ปฏิบัติทดลองและอธิบายสมดุลความร้อน ผลของความร้อนต่อการขยายตัวของวัตถุ และ
ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน
8. อธิบายองค์ประกอบ และการแบ่งชั้นบรรยากาศ การเกิดเมฆและชนิดของเมฆ การเกิดฝนและ
แสดงการวัดปริมาณน้ าฝน
9. สามารถวัดอุณหภูมิ ความชื้นและความกดอากาศในท้องถิ่น และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง
อุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศได้ถูกต้อง
10.อธิบายการเกิดลมมรสุมต่าง ๆ พายุหมุนเขตร้อนและพายุฟ้าคะนองและผลต่อมนุษย์และ
สิ่งแวดล้อมเสนอแนะวิธีป้องกันปรากฏการณ์ทางลมฟ้าอากาศ แปลความหมายการพยากรณ์อากาศได
11.เกิดเจตคติที่ดีและรักการเรียนวิทยาศาสตร์นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

การวัดผลประเมินผล

1.รายงานผลการทดลอง 10 คะแนน
2.แบบฝึกหัดรายหัวข้อ ,ใบงาน 20 คะแนน
3.รายงานค้นคว้ารายหัวข้อ 10 คะแนน
4.สอบกลางภาค 20 คะแนน
5.สอบปลายภาค 30 คะแนน
6.จิตพิสัย 10 คะแนน


หนังสือประกอบการค้นคว้าเพิ่มเติม

เกษม ศรีพงษ์.ชีววิทยา.ฉบับรวม ม.4–5–6.กรุงเทพฯ ;ภูมิบัณฑิต ,2540.
เกษม ศรีพงษ์ .วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม .กรุงเทพ ฯ:ภูมิบัณฑิต ,2540.
จินดา อุดชาชน ,ผศ.และคณะผู้แปล.เคมี.กรุงเทพฯ ;นามีบุคส์ ,2543.
ชุติมา วิทยากุล .คู่มือวิทยาศาสตร์ม.1.นครปฐม :ฟิสิกส์เซนเตอร์ ,2540.
นิพนธ์ ตังคณานุวิทย์,รศ.ดร.คู่มือเคมีเล่ม 1.กรุงเทพ ฯ:ส านักพิมพ์แม็คจำกัด,2540.
พัชรี พิพัฒวรรณกุล .รวมหลักชีววิทยา .นครปฐม :ฟิสิกส์เซนเตอร์ ,2540.
เพ็ญศรี พวงศรี ,คุ่มือวิทยาศาสตร์ ม.1.กรุงเทพ ฯ :เดอะบุคส์จำกัด ,2539.
ยงสุข รัศมิมาศ,รศ.วิทยาศาสตร์1.กรุงเทพ ฯ:สำนักพิมพ์แม็คจำกัด,2543.
นพมาศ ชูวรเวช.อวัยวะที่สำคัญของร่ายกาย.กรุงเทพฯ ;ต้นอ้อแกรมมี,2540.
ปรียา กุลละวณิชย์และคณะผู้แปล.พื้นฐานแห่งกายมนุษย์ .กรุงเทพฯ ;รีดเดอร์สไดเจสท์,2540.
มานี จันทวิมล.สนุกกับเคมี .กรุงเทพฯ ;นามีบุคส์ ,2543.
มีนา โอวรารินทร์.ผู้แปล.ร่างกาย .กรุงเทพ ฯ ;นามีบุคส์,2543.
เรืองศักดิ์ ศิริผล.มหัศจรรย์แห่งร่ายกาย .กรุงเทพฯ ;นามีบุคส์ ,2543.
ธนพรรณ ชาลี.ผู้แปล กล้ามเนื้อและกระดูก .กรุงเทพฯ ;นามีบุคส์ ,2540.
ธนพรรณ ชาลี.ผู้แปล ร่างกายของเรา .กรุงเทพฯ ;นามีบุคส์ ,2540.
รัตนาภรณ์ อิทธิไพสิฐพันธุ์.คู่มือวิทยาศาสตร์ ม.1.กรุงเทพ ฯ:นิยมวิทยา,2543.
รัตนาภรณ์ อิทธิไพสิฐพันธุ์และคณะ.วิทยาศาสตร์ ว 203.กรุงเทพฯ ;นิยมวิทยา,2543.
รัตนาภรณ์ อิทธิไพสิฐพันธุ์และคณะ.วิทยาศาสตร์ ว 204.กรุงเทพฯ ;นิยมวิทยา,2543.
รัตนาภรณ์ อิทธิไพสิฐพันธุ์และคณะ.วิทยาศาสตร์ ว 205.กรุงเทพฯ ;นิยมวิทยา,2543.
วีรวรรณ มหาวีโรและคณะ ,วิทยาศาสตร์บรรยาย ม.ต้น.กรุงเทพ ฯ:สำนักพิมพ์แม็คจำกัด,2540.
อุษณีย์ ยศยิ่งยวด ,รศ.ดร.และคณะผู้แปล.ชีววิทยา.กรุงเทพฯ;นามีบุคส์,2543.