วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

E-Commerce

E-Commerce


พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic commerce) หรือ อี-คอมเมิร์ช (E-Commerce) หมายถึง การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในทุกๆ ช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์, โทรทัศน์, วิทยุ, หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทของความสำคัญขององค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้าเป็นต้น ดังนั้นจึงลดข้อจำกัดของระยะทางและเวลา ในการทำธุรกรรมลงได้



จากการวิเคราะห์


กว่าผู้ทรงคุณวุฒิในบ้านเราจะตกลงเป็นเอกฉันท์ได้ว่า “ Globalization ” หรือ โลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงมากมายก็เกิดขึ้นรอบๆตัวเรามากขึ้น การเจรจาทั้งทวิภาคีและพหุภาคีเพื่อสร้างเขตเสรีการค้าระหว่างประเทศ การปฏิบัติตามข้อตกลงที่ต้องปฏิบัติในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การค้าโลก ตลอดไปจนพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ทางด้านอิเล็กทรอนิคส์ ล้วนเป็นเสมือนเชื่อประทุที่กระตุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลงอีกมากมายเกิดตามมาเป็นระลอกคลื่นไม่รู้จบ กฎกติกาของระหว่างประเทศเริ่มจะไม่มีพรมแดนมากขึ้น ทุกหน่วยงานต่างต้องการที่จะแข่งขันกันมาก โดยทฤษฎีแล้ว ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรือประเทศไหนก็ตามการแข่งขันบนเวทีของโลกก็ย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และการเปลี่ยนแปลงอีกมากมายที่จะตามมา ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตามและถึงแม้ว่าเราจะไม่ยอมรับหรือต่อต้านมันยังไงการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องวเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


เมื่อเทคโนโลยีการสื่อสารทางด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ทางด้านการสื่อสารพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน ก็เกิดนวัฒกรรมใหม่ขึ้นอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกกันว่า “อินเตอร์เน็ต” (Inter net ) ขึ้นมา อินเตอร์เน็ตหรือเครือข่ายข่าวสารข้อมูลแบบใหม่ได้ย่อโลกใบนี้ให้เล็กลงไปถนัดตา ไม่เพียงแต่ทำให้ขีดจำกัดในการขนส่งข้อมูลข่าวสาร รูปภาพ เสียง หรือภาพยนตร์ จากซีกโลกหนึ่งไปยังอีกซีกโลกหนึ่ง ซึ่งเคยใช้เวลาเป็นสัปดาห์สามารถทำได้เพียงในเวลาไม่กี่นาที อินเตอร์เน็ต ยังทำให้เราสามารถพูดคุยและสื่อสารกับบุคคลต่างๆจากทั่วโลกได้ มีการส่งข้อมูลข่าวสารให้กับอีกบุคคลอักซีกโลกหนึ่งได้ โดยมีต้นทุนที่ต่ำเท่ากับค่าใช้จ่ายที่เคยใช้พูดคุยกับคนในจังหวัดเดียวกันอีกด้วย


อินเตอร์เน็ตทำให้โลกเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และยังเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่อยากจะค้นคว้าเรื่องอะไรก็มีมาให้ได้เลือกดูและอ่าน ถ้าหากนำอินเตอร์เน็ตไปใช้ในทางที่สมควรจะดีมากกล่าวได้ว่าอินเตอร์เน็ตคล้ายกับดาบ 2 คมซึ่งมีทั้งสื่อต่างๆมากมายให้เลือกชมเลือกดู ใครจะขายอะไรก็โฆษณาได้ อยากซื้ออะไรก็ซื้อโดยเลือกการคลิ๊กแค่ปลายนิ้ว


ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมดีที่สุดและมีการใช้คอมพิวเตอร์ต่อหัวสูงที่สุด ได้เกิดมีเว็บไซด์ต่างๆ หรือที่เราคุ้นหูนั่นก็คือ “ ด็อทคอม " (Dot Com) เกิดขึ้นเป็นล้านและเชื่อกันว่า จากวันนี้ไปเราจะทยอย ย้ายไปทำธุรกรรมการซื้อขาย การโอนเงินบนจอคอมพิวเตอร์หรือที่เราเรียกกันว่า อี-คอมเมิร์ช (E-Commerce) หรือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กันหมด
ผู้ผลิตไล่ไปจนถึงผู้แทนจำหน่ายรวมไปถึงชาวบ้านชาวช่องต่างก็มี ด็อทคอม กับแทบทุกคน บริษัทไหนไม่มีด็อทคอม ดุจะกลายเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจแผนโบราณกันไปทีเดียว และบริษัทห้างหลายๆร้านหลายแห่งที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับระบบ อินเตอร์เน็ตก็สามารถระดมเงินจากตลาดหลักทรัพย์ได้ง่ายๆ ทั้งๆ ที่ผลประกอบการยังไม่มีอะไรเป็นสาระเลย อินเตอร์เน็ต และอี-คอมเมิร์ส จะพัฒนาไปจนสิ้นสุดตอนไหนไม่มีใครคาดเดาได้ชัดเจน


ผู้คนเริ่มตั้งคำถามว่าธุรกิจต่างๆจะเปลี่ยนไปในรูปไปอย่างไร ? จะสูญหายไปหรือไม่ ? ยังเป็นคำถามอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ในช่วงนั้นทุกสิ่งทุกอย่างบนอินเตอร์เน็ตวิ่งไปอย่างรวดเร็วเหมือนจรวด และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครไปหยุดมันได้ จนกระทั่งปี 2544 ก็เกิดปรากฎการณ์ล่มสลายของด็อทคอมหรือสภาวะฟองสบู่แตกบนอินเตอร์เน็ต เว็บไซด์ต่างๆ ที่เปิดตัวไปเป็นแสนเป็นล้านเว็บในช่วงระยะเวลาไม่ถึงปี ต่างก็ต้องทยอยปิดตัวลง เพราะไม่มีธุรกรรมเกิดขึ้นคุ้มค่ากับการลงทุนนั่นเอง ผู้คนเริ่มตระหนักว่า เว็บไซด์ไม่สามารถสร้างความโดดเด่นให้แปลกแยกออกไปจากเว็บไซด์อื่นได้ ก็ไม่ต่างไปจากดัชนีอ้างอิงในหนังสือสารานุกรมที่เรียงกันเป็นพรืดไปหมด ละลานตา จนในที่สุดก็ไม่มีใครอ่าน เว็บไซด์เป็นล้านที่เรียงลำดับกันตั้งแต่ A – Z จึงไม่มีผู้บริโภคคลิกเข้าไปทำธุรกรรมอะไรเลย แต่ที่พูดไม่ได้มีความหมายว่า อี-คอมเมิร์ส จะพัฒนาจนเข้ามาแทนที่ระบบเดิมไปทั้งหมดนั้นก็ยังมีเรื่องที่ต้องทำ ต้องพัฒนาอีกมากมาย


ในอนาคตอันใกล้นี้ อี-คอมเมิร์ส คงจะทำให้ช่องว่างระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคแคบลงเข้าไปอีก และอาจจะแคบลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตัวกลางหรือผู้ขายที่ไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มใดๆ กับตัวสินค้าจะยืนอยู่ได้ลำบากขึ้นจริงๆ และด้วยเหตุผลเช่นนี้หล่ะคับ ที่บริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจการตลาดบางท่านต้องพัฒนาการตลาดของตัวเองให้คงอยู่ให้ได้ในสังคมในปัจจุบัน ซึ่งสรุปได้ว่า อี-คอมเมิร์สจะเป็นนวัตกรรมทางการค้าที่มีศักยภาพยิ่งใหญ่ที่สุดในทศวรรษหน้าอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น